หนี้ปกติ (หนี้ดี / หนี้ที่ยังไม่เสีย) คืออะไร?
เป็นหนี้ที่ยังชำระเงินตามปกติ ไม่เคยผิดนัด หรืออาจมีค้างจ่ายบ้างแต่ยังไม่ถึงขั้น “หนี้เสีย”
ตัวอย่างหนี้ปกติ :
- ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ จ่ายค่างวดตรงเวลา
- ใช้บัตรเครดิตแล้วจ่ายขั้นต่ำทุกเดือน
- กู้เงินมาลงทุนแล้วจ่ายคืนตามแผน
ลักษณะของหนี้ปกติ :
- มีประวัติการชำระดี (ไม่ค้างนานเกินกำหนด)
- ยังสามารถขอกู้เงินเพิ่ม หรือขอสินเชื่อใหม่ได้
- ไม่ถูกฟ้องร้อง หรือถูกขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์
หนี้เสีย (NPL – Non-Performing Loan) คืออะไร?
เป็นหนี้ที่ผิดนัดชำระมานานจนสถาบันการเงินมองว่า มีความเสี่ยงสูง อาจไม่ได้รับเงินคืน
ตัวอย่างหนี้เสีย :
- ค้างจ่ายบัตรเครดิตเกิน 90 วัน (3 เดือนขึ้นไป) , ผ่อนบ้าน/รถไม่ไหว จนถูกธนาคารแจ้งเตือน , สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่ได้จ่ายจนโดนติดตามหนี้
ลักษณะของหนี้เสีย :
- ผิดนัดชำระ 90 วันขึ้นไป → ถูกจัดเป็น NPL
- ดอกเบี้ยทบต้น → ทำให้ยอดหนี้สูงขึ้นเร็ว อาจถูกฟ้องร้อง / ยึดทรัพย์สิน
- เสียประวัติเครดิตบูโร → ขอสินเชื่อใหม่ยากขึ้น
ตารางเปรียบเทียบ หนี้ปกติ VS หนี้เสีย
หัวข้อ | หนี้ปกติ | หนี้เสีย |
สถานะการจ่ายหนี้ | จ่ายตรงเวลา หรือมีค้างเล็กน้อย | ค้างชำระเกิน 90 วัน |
เครดิตบูโร (ประวัติการเงิน) | ยังมีเครดิตดี ขอสินเชื่อเพิ่มได้ | มีประวัติเสีย ขอกู้ใหม่ยากขึ้น |
ดอกเบี้ย และ ค่าปรับ | เสียดอกเบี้ยตามปกติ | ดอกเบี้ยสูงขึ้น + ค่าปรับ |
ความเสี่ยงทางกฏหมาย | ไม่มีปัญหา | อาจถูกฟ้องร้อง หรือยึดทรัพย์ |
โอกาสกู้เงินเพิ่ม | มีโอกาสสูง | ยากมากหรือแทบเป็นไปไม่ได้ |
วิธีป้องกันไม่ให้ “หนี้ปกติ” กลายเป็น “หนี้เสีย“
- จัดลำดับความสำคัญของหนี้ – จ่ายหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงก่อน
- อย่าค้างจ่ายเกิน 30 วัน – ถ้าค้างควรรีบเคลียร์
- ใช้วิธี “เจรจาปรับโครงสร้างหนี้” ถ้าจ่ายไม่ไหว
- หยุดสร้างหนี้ใหม่ ถ้ายังมีหนี้เดิมที่ต้องเคลียร์
ถ้าคุณมีหนี้เสียแล้ว ควรทำอย่างไร ?
- อย่าหนีหนี้ – รีบติดต่อเจ้าหนี้เพื่อหาทางออก
- ขอปรับโครงสร้างหนี้ – ลดดอกเบี้ย / ยืดเวลาผ่อน
- เพิ่มรายได้ – ลดรายจ่าย – หาเงินเพิ่มเพื่อโปะหนี้เร็วขึ้น
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ – เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย, ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.)
สรุป :
- หนี้ปกติ = หนี้ที่ยังจ่ายตามปกติ ไม่กระทบเครดิต
- หนี้เสีย = หนี้ที่ค้างจ่ายเกิน 90 วัน กระทบเครดิต อาจถูกฟ้องร้อง ถ้าจ่ายหนี้ไม่ไหว ให้รีบเจรจาก่อนจะกลายเป็นหนี้เสีย!