วางใจให้ออมสิน

ดูแลความสุขของชีวิตคุณ

banner banner
หน้าหลัก > บล็อกการเงิน > Financial > สูงวัยอย่าง Smart มีเงินเหลือใช้ ชีวิตไปต่อได้ แค่บริหารเงินให้เป็น !

สูงวัยอย่าง Smart มีเงินเหลือใช้ ชีวิตไปต่อได้ แค่บริหารเงินให้เป็น !

24 ก.พ. 2564
86accce2 2520 41f1 8846 5a7c2af2d137

ผู้สูงวัยที่อยากมีเงินไว้ใช้จ่ายสบาย ๆ ตลอดช่วงเกษียณ ต้องรู้จักวางแผนการเงินให้ดีตามเคล็ดลับต่อไปนี้ ชีวิตจะเดินหน้าต่อได้อย่างไม่ลำบาก

ทำงานหนักมาหลายสิบปี เผลอแป๊บเดียวก็เข้าสู่ช่วงบั้นปลายของชีวิตที่เราจะได้พักผ่อนบ้างแล้ว เชื่อว่าผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยคงรู้สึกกังวลอยู่ว่า หลังจากนี้ไปจะมีเงินพอใช้ไหมนะ เพราะหาเงินได้ไม่คล่องเหมือนเดิม หรืออาจไม่มีรายรับเข้ามาเลย และหลายคนก็ไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าเลยด้วย เงินสำรองในบัญชีจึงมีอยู่ไม่มากนัก

    ดังนั้น ถ้าไม่อยากประสบปัญหา “เงินหมด” ก่อนถึงวันสุดท้ายของชีวิตก็อย่าชะล่าใจ เราต้องบริหารจัดการเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในทุกเดือน ซึ่งเริ่มต้นได้ง่าย ๆ ด้วย 5 เคล็ดลับวางแผนทางการเงินสำหรับผู้สูงวัย ให้ลองนำไปปรับใช้กัน

1. ตรวจสอบรายรับ-รายจ่ายทั้งหมด

3e49ca2f 1779 4226 A188 Cffb4d5d1367

           ในวัยสูงอายุเช่นนี้ รายรับที่เข้ามาย่อมไม่แน่นอน สิ่งแรกที่ควรทำก็คือ ต้องตรวจสอบว่ายังมีรายได้จากส่วนไหนเข้ามาบ้าง เช่น เงินจากกองทุนบำเหน็จบำนาญราชการ เงินบำนาญจากกองทุนประกันสังคม เงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินช่วยเหลือจากสวัสดิการของรัฐ หรือแม้แต่เงินที่ได้จากการลงทุน การขายกองทุนรวม LTF RMF เงินปันผล เงินคืนจากประกันชีวิต เป็นต้น

พอทราบรายรับทั้งหมดแล้ว ทีนี้ก็มารวบรวมข้อมูลรายจ่ายในแต่ละเดือน แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ก็คือ ค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเดินทาง แต่บางคนอาจจะมีค่าช้อปปิ้ง ค่าท่องเที่ยว ค่าบำรุงรักษาซ่อมแซมบ้านหรือรถยนต์ ฯลฯ ซึ่งส่วนนี้ล่ะที่ต้องบริหารจัดการให้ดี เพราะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เงินเก็บลดลงเรื่อย ๆ

วิธีง่าย ๆ ก็คือ ให้ตั้งเป้าหมายการใช้จ่ายในแต่ละประเภท พร้อมกับจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายเอาไว้ทุกครั้ง นอกจากจะป้องกันไม่ให้เงินรั่วไหล ยังได้เห็นว่าเราใช้จ่ายกับสิ่งไหนมากเกินไปไหม และสถานการณ์ทางการเงินตอนนี้เป็นอย่างไร ถ้ามีรายจ่ายสูงกว่ารายรับ จะได้หาทางลดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็นลง เพื่อจัดสรรเงินที่มีอยู่ให้ใช้ได้อย่างเหมาะสมในทุก ๆ เดือน

2.เคลียร์หนี้สินที่มี

12185674 6627 4fbf 874b B3da380207b4

 เงินเก็บที่มีอยู่อาจไม่พอใช้ถึง 10 ปี 20 ปีข้างหน้าก็เป็นได้ ถ้าวันนี้ยังมีภาระหนี้สินติดตัวอยู่ จึงต้องพยายามปลดหนี้ทุกอย่างให้เร็วที่สุด ยิ่งปลดหนี้ได้เร็วเท่าไร ก็ยิ่งใช้ชีวิตได้สบายขึ้นเร็วเท่านั้น ซึ่งผู้สูงอายุหลายคนได้รับเงินก้อนมาจากเงินบำเหน็จบำนาญ หรือเงินจากการลงทุน ขายกองทุนรวม LTF และ RMF ก็สามารถนำเงินส่วนนี้มาโปะหนี้ได้เลย โดยเลือกเคลียร์หนี้สินที่มีดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน เพื่อลดภาระดอกเบี้ย หรือจ่ายหนี้ที่มีมูลหนี้คงเหลือน้อยที่สุดเป็นการปิดบัญชีให้เหลือเจ้าหนี้น้อยราย จะได้มีเงินเหลือไว้สำหรับใช้จ่ายอื่น ๆ

3.ลงทุนให้เหมาะกับความเสี่ยง

8df8c78f B1b6 463b 8aeb F60a0cda62c7

          ต้องไม่ลืมว่าราคาข้าวของแพงขึ้นทุกวันตามอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้น การเก็บเงินไว้เฉย ๆ ไม่นำมาลงทุนอะไรเลย มูลค่าของเงินจะลดลงเรื่อย ๆ จึงควรแบ่งเงินบางส่วนออกมาลงทุน ปล่อยให้เงินทำงานแทนเรา แต่ก็ต้องรู้จักเลือกลงทุนให้เหมาะสมด้วยค่ะ โดยมีคำแนะนำ คือ

  • ควรลงทุนในสินทรัพย์ที่ได้รับดอกเบี้ย หรือเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ จะได้มีเงินมาหมุนเวียนใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
  • เลือกลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น เงินฝาก, ตราสารหนี้, พันธบัตรรัฐบาล, สลากออมทรัพย์, กองทุนรวม, หุ้น ฯลฯ
  • เน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ-ปานกลาง มากกว่าสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อป้องกันการขาดทุนและสูญเสียเงินก้อนสุดท้ายในชีวิต แต่ก็ไม่ควรลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำเพียงอย่างเดียว เพราะจะได้รับผลตอบแทนที่ต่ำมากจนสู้อัตราเงินเฟ้อไม่ไหว

          จากคำแนะนำข้างต้น เราอาจแบ่งพอร์ตการลงทุนได้ ดังนี้

  • สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ มีสภาพคล่องสูง สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่ายในเวลาที่ต้องการใช้ เช่น เงินฝากออมทรัพย์, กองทุนรวมตลาดเงิน ประมาณ 20-40% หรือประมาณ 6-12 เท่าของค่าใช้จ่ายประจำ
  • สินทรัพย์ที่เหมาะกับการลงทุนระยะกลาง เช่น สลากออมทรัพย์, พันธบัตรรัฐบาล, กองทุนตราสารหนี้, หุ้นกู้ ประมาณ 30-50%
  • สินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง แต่มีโอกาสได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น เช่น หุ้น, กองทุนรวมหุ้น, กองทุนอสังหาริมทรัพย์, ทองคำ ประมาณ 5-15%

          ทั้งนี้ การจัดพอร์ตต้องขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงที่เรารับได้ด้วยนะคะ หากรับความเสี่ยงได้ต่ำ ก็ควรลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำในสัดส่วนที่มากขึ้น เช่น เพิ่มสัดส่วนเงินฝากออมทรัพย์เป็นมากกว่า 50% ขึ้นไป เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถรักษาเงินต้นเอาไว้ได้

อย่างไรก็ตาม ข้อสำคัญก็คือ ไม่ว่าจะลงทุนประเภทใด ต้องศึกษาข้อมูลและพิจารณาให้รอบด้านก่อนทุกครั้ง หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน

4.อย่าลืมเรื่องสุขภาพ

Eff5f85e 547e 447b 9050 F29a3cca3da0

เมื่ออายุมากขึ้น สภาพร่างกายก็ค่อย ๆ ถดถอยไปตามกาลเวลา คนวัยนี้จึงมีโอกาสเจ็บป่วย หรือประสบอุบัติเหตุได้ง่าย และเดี๋ยวนี้ค่ารักษาพยาบาลก็ไม่ใช่น้อย ๆ หากเจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรงขึ้นมา อาจถึงขั้นสูญเสียเงินเกือบทั้งหมดที่เก็บออมมาทั้งชีวิตได้เลย

          เพื่อไม่ให้ความเจ็บป่วยทั้งหลายเป็นสาเหตุที่ทำให้มีเงินไม่พอใช้ในอนาคต ผู้สูงวัยต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้มากขึ้น ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หมั่นตรวจสุขภาพประจำปี จะได้รักษาอาการป่วยตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนโรคลุกลาม รวมทั้งทำประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ ติดตัวไว้ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย

5.จัดการเรื่องทรัพย์สินมรดก

38c72dae A3ad 40fd Be95 22031108d02d

 

          การเตรียมพร้อมไว้ไม่ใช่เรื่องเสียหาย อย่างน้อยก็ช่วยลดความยุ่งยากให้กับลูกหลาน หรือถ้าคุณเป็นโสด อยู่คนเดียว ไม่มีลูกหลาน ยิ่งจำเป็นต้องจัดสรรทรัพย์สินที่มีอยู่ไว้ล่วงหน้า เพราะการแจกแจงทรัพย์สิน-หนี้สินว่ามีอะไรบ้าง อาจทำให้เห็นช่องทางเปลี่ยนทรัพย์สินบางอย่างให้เป็นเงินสดหมุนเวียน หรือต่อยอดลงทุนเพิ่มผลตอบแทนให้มีเงินเหลือเพียงพอใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น
           หลังจากจัดการทั้ง 5 ข้อตามนี้เรียบร้อย ก็คงจะพอทราบแล้วนะคะว่า เงินที่มีอยู่เพียงพอต่อภาระค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นทุกวันไหม หากใครรู้ตัวว่าวางแผนเกษียณช้าเกินไป จึงมีเงินออมเหลือไม่พอใช้แน่ ๆ จะได้มองหาหนทางที่จะช่วยให้มีรายรับเพิ่มเข้ามา ซึ่งทางเลือกหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมในสังคมผู้สูงอายุขณะนี้ก็คือ “สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ” หรือ Reverse Mortgage ที่ให้ผู้สูงอายุนำบ้านปลอดภาระหนี้ของตัวเองมาจำนองกับธนาคาร แล้วธนาคารจะจ่ายเงินกู้ ให้ทุกเดือนจนกว่าจะเสียชีวิต หรือครบอายุสัญญากู้เงิน เปรียบเหมือนกับได้รับเงินบำนาญไปตลอดชีวิตนั่นเอง โดยที่คุณยังสามารถอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นได้จนกว่าจะเสียชีวิต
          ปัจจุบันสินเชื่อ Reverse Mortgage มีให้บริการในธนาคารบางแห่งเท่านั้น ถ้าสนใจแนะนำให้ลองดู “สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ” ของธนาคารออมสิน เลยค่ะ ซึ่งให้ผู้มีอายุ 60-80 ปี ที่มีบ้าน ที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุดเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเอง มีกรรมสิทธิ์ร่วมสิทธ์ิของคู่สมรส ยื่นขอสินเชื่อเพื่อเปลี่ยนบ้านให้เป็นรายได้แบบรายเดือนได้ โดยเงื่อนไขสำคัญก็คือ บ้านหลังนั้นต้องเป็นที่อยู่อาศัยหลักของผู้กู้ และต้องมีชื่อของผู้กู้อยู่ในทะเบียนบ้านตลอดอายุสัญญากู้เงิน

B791e30c 11fc 4149 Aa50 4d9385d8562e

ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้สูงวัยที่มีบ้านเป็นของตัวเอง และต้องการเงินไว้ใช้จ่ายยามเกษียณ ก็สามารถเปลี่ยนบ้านให้เป็นรายได้แบบรายเดือนได้ง่าย ๆ ด้วย “สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ” ของธนาคารออมสิน 

—————————————————————–

Skip to content